1. Cove Lighting - ติดตั้งหลอดไฟตามหลืบฝ้าเพดานเหมาะสำหรับบ้านยุคใหม่ที่มีฝ้าเพดานแบบเล่นจังหวะ แสงสว่างจะส่องกระทบด้านบนฝ้า และสะท้อนกลับลงมาทำให้แสงสว่างกระจายได้พอดี ไม่มากหรือน้อยเกินไป
2. Case Lighting - ติดตั้งแสงสว่างที่มีตัวกรองแสงอย่างกล่องไฟเหมือนการนำเอาผ้าม่านบาง ๆ กรองแสงอาทิตย์จากภายนอกไม่ให้ส่องสว่างเข้ามามากเกินไปเน้นใช้งานกับระนาบแนวนอนและแนวตั้ง วัสดุกรองแสงจะเป็นแบบโปร่งแสงแต่มีความทึบไม่โปร่งใส เช่น อะคลีลิค กระจกฝ้า เป็นต้น
3. Toe Kicks - ใช้ส่องสว่างในทิศทางด้านล่างทางเดินโดยส่องกระทบกับพื้นสะท้อนขึ้นมาด้านบนหลอดไฟไม่จำเป็นต้องมีปีกช่วยบังตัวหลอดไม่ให้แยงตาเพราะระดับไฟต่ำกว่าสายตาอยู่แล้ว นิยมใช้ติดตั้งตามขั้นบันไดทางเดินภายในสวนเข้าสู่ตัวบ้าน เป็นต้น
4. Under Cabinet / Shelf- นิยมติดตั้งไว้ใต้เคาน์เตอร์ทำงานหรือชั้นวางของ เพื่อเน้นความสวย เหมาะสำหรับจัดวางของตกแต่งแสงสว่างจากหลอดไฟจะกระทบวัตถุโดยตรง ทำให้วัตถุบนชั้นวางของโดดเด่นสะดุดตา
5. Curtain / WallWashing - แสงสว่างจะถูกติดตั้งโดยการลอดผ่านเข้ามาโดยทิศทางการส่องสว่างตรงเข้าไปยังผ้าม่านหรือผนังโดยจะส่องจากด้านบนของฝ้าเพดานอีกที
6. Backlit Glass /Signage - เหมาะสำหรับการติดตั้งเพื่อเน้นสร้างบรรยากาศ โดยติดตั้งบริเวณผนัง ป้าย และช่องที่เจาะผนังแสงสว่างจะส่องทั้งในแนวขึ้นและลง ซึ่งนอกจากสร้างสุนทรียภาพแล้วยังช่วยทำให้พื้นที่ของผนังโดดเด่นมากขึ้นด้วย
7. Architectural Details– การติดตั้งเน้นสำหรับรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆที่อยู่ภายในองค์ประกอบของงานสถาปัตยกรรม ให้มีความสวยงามเป็นพิเศษ แสงสว่างที่ออกมาจะใกล้เคียงกับการติดตั้งแบบUnder Cabinet แต่ระยะของแสงสว่างจะสั้นกว่า ปริมาณแสงที่ได้น้อยกว่า
8.Backlit Mirror - เหมาะสำหรับบ้านที่ต้องการพื้นที่สำหรับแต่งหน้า แต่งตัวหลอดไฟจะซ่อนตัวโดยส่องสว่างโดยรอบวัตถุ นิยมติดเอาไว้กับกระจกห้องน้ำ เพื่อช่วยให้การมองเห็นชัดเจนและนวลตาเสมือนจริงยิ่งขึ้น
หวังว่าไอเดียการติดตั้งไฟซ่อนหรือ Indirect Lighting จะนำไปลองติดตั้ง เพื่อช่วยเปลี่ยนบ้านที่ให้แสงสว่างแบบเดิม ๆ ดูมีบรรยากาศที่สวยงาม และผ่อนคลายมากขึ้นกันนะคะ