1.ตรวจหลังคาและรางน้ำ
หลังคาเหมือนเป็นหมวกกันฝนของบ้านเรานั่นแหละถ้าหลังคารั่ว รางน้ำอุดตัน น้ำฝนก็จะไหลลงมาเป็นน้ำตาให้เราเห็น ตรวจสอบรอยรั่ว ขึ้นไปดูหลังคาว่ามีรอยรั่วหรือกระเบื้องแตกบ้างหรือเปล่าถ้ามีก็ซ่อมแซมเลย ไม่ต้องรอให้ฝนมาถึงจะได้ลงมือ ทำความสะอาดรางน้ำ เอาใบไม้เศษสกปรกออกให้หมด เพราะถ้ารางน้ำอุดตัน น้ำจะไหลไม่สะดวก อาจทำให้ท่วมบ้านได้
2.เช็กหน้าต่างและผนังว่าไม่มีจุดรั่วซึม
ไม่รู้ว่าผีบ้านผีเรือนแกล้งหรืออะไรเพราะฝนตกหนักทีไรโซฟาที่อยู่ริมหน้าต่างก็มีรอยเหมือนเปียกน้ำทุกที ทั้ง ๆที่ก็ปิดหน้าต่างสนิทแล้วแท้ ๆถ้าบ้านไหนเจอเหตุการณ์นี้ให้ลองเลื่อนโซฟาออกจากผนังแล้วจะเจอต้นตอที่ทำให้โซฟาเปียกที่อาจจะเป็นผนังมีรอยร้าวหรือขอบหน้าต่างรั่ว ซึ่งต้องรีบแก้ไขด่วน เพราะนอกจากจะทำให้โซฟาพังแล้วยังเอฟเฟกต์กับโครงสร้างผนังบ้านได้อีกด้วย
3.คลีนเศษขยะบริเวณท่อระบายน้ำให้เกลี้ยง
นั่งกินข้าวในบ้านพร้อมฟังเสียงฝนตกอย่างสบายใจพอฝนเริ่มซาเลยลองเดินออกไปดูนอกบ้านซะหน่อยก็ต้องสตั๊นกับภาพน้ำขังรอระบายบนถนนหน้าบ้านเพียงเพราะลืมไปเคลียร์ขยะที่กองอยู่บนปากท่อระบายน้ำดังนั้นอีกหนึ่งเทคนิคที่จะช่วยให้เพื่อน ๆ รับมือหน้าฝนได้แบบเลิศ ๆ ก็คือการคลีนปากท่อระบายน้ำให้เรียบร้อยเพื่อให้น้ำฝนที่ตกลงมาไหลลงท่อได้สะดวกและรวดเร็วขึ้น
4.ระบบไฟฟ้าต้องปลอดภัยไว้ก่อน
ไฟฟ้าเป็นเรื่องสำคัญมากในหน้าฝนเราต้องมั่นใจว่ามันจะไม่ทำให้เราตกใจ! ตรวจสอบปลั๊กไฟและสวิทช์ ดูว่ามีความชื้นหรือร่องรอยความเสียหายไหมถ้ามีรีบเรียกช่างไฟมาตรวจสอบ ป้องกันน้ำเข้าระบบไฟฟ้า หลีกเลี่ยงการติดตั้งปลั๊กไฟในจุดที่มีโอกาสน้ำซึมเข้า
5.พื้นบ้านและท่อระบายน้ำภายในไม่ควรมองข้าม
การดูแลภายในบ้านก็สำคัญไม่แพ้กันตรวจสอบพื้นบ้าน ดูว่ามีน้ำซึมหรือไม่ ถ้ามีต้องรีบซ่อมแซมก่อนจะลุกลามตรวจสอบท่อระบายน้ำภายใน: ให้แน่ใจว่าไม่มีการอุดตันในท่อระบายน้ำภายในบ้าน