1. สำรวจปัจจุบัน
กรณีที่เราต้องการทำเลนั้นมาก ๆ ให้ประเมินดูว่า ระดับการท่วมขังมากน้อยเพียงใดอยู่ในระดับที่รับได้หรือไม่ ระยะเวลาในการขังนานแค่ไหน ระบายน้ำเร็วหรือไม่เป็นอุปสรรคในการเดินทางหรือไม่ โดยเฉพาะถ้าการระบายน้ำในพื้นที่นั้น ๆค่อนข้างช้า กินเวลายาวจนถึงช่วงเวลาเร่งรีบจะมีผลกับการเดินทางไปทำงานหรือเรียนอย่างไร โดยควรประเมินเป็นภาพรวมว่าทำเลที่เราต้องการกับปัญหาน้ำท่วมขังที่มีโอกาสเจอรับได้หรือไม่ ถ้ารับได้ เพราะคุ้นเคยดี ก็ตัดสินใจได้ไม่ยาก แต่ถ้ารับไม่ไหวหรือไม่ได้ต้องการอยู่อาศัยในทำเลนั้นมากนัก ก็แนะนำให้เลือกทำเลอื่นอาจจะสะดวกในการอยู่อาศัยมากกว่า
2. ได้เห็นสภาพบ้านที่แท้จริง
ปัญหาน้ำรั่วซึมมักเป็นปัญหาใหญ่สำหรับเจ้าของบ้านการซื้อบ้านหน้าฝนทำให้เราสามารถเห็นปัญหาภายในบ้านได้อย่างชัดเจนว่ามีจุดของน้ำรั่วน้ำซึม ท่อตันหรือไม่ซึ่งจุดนี้จะเป็นสิ่งที่บ่งบอกถึงการก่อสร้างของโครงการที่มีคุณภาพรวมถึงได้เห็นการออกแบบบ้านของโครงการที่นอกจากอยู่อาศัยแล้วยังให้ความสำคัญกับการออกแบบที่ครอบคลุมรับมือกับปัญหาที่จะเกิดขึ้นในช่วงฝนตกและยังได้เห็นถึงประสิทธิภาพวัสดุที่นำมาใช้ในการก่อสร้างอีกด้วย
3.พบโปรโมชั่นสุดคุ้ม
ช่วงนี้ถือเป็นช่วงที่หลายๆโครงการจัดโปรโมชั่น ออกมาเพื่อกระตุ้นการขาย ไม่ว่าจะเป็นส่วนลดของแถมและสิทธิพิเศษอื่น ๆ อีกมากมายซึ่งแน่นอนว่าจะทำให้เราได้รับความคุ้มค่าหากซื้อในช่วงนี้นั่นเองซึ่งในส่วนของชาญอิสสระ และบริษัทในเครือ ทุกๆ โครงการเราให้ความใส่ใจเรื่องของการอยู่อาศัยในทุกฤดูมีการเลือกใช้วัสดุที่มีคุณภาพมาตรฐาน โลเคชั่นในทุกทำเลที่มีความสะดวกสบายการออกแบบและฟังก์ชั่นที่สามารถใช้งานได้จริง
4. วิเคราะห์สภาพโครงการ
หน้าฝนก็ต้องมีฝนตกเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่เมื่อฝนตกหนัก แล้วน้ำท่วมต้องดูว่าสภาพโครงการเป็นอย่างไร พื้นที่ภายในโครงการท่วมด้วยหรือไม่ หรือโครงการออกแบบให้มีระบบป้องกันน้ำท่วมทำให้เมื่อฝนตกหนัก พื้นที่ภายในโครงการไม่ได้มีน้ำท่วมขังจนสัญจรภายในโครงการลำบาก หรือน้ำท่วมขังจนไหลเข้าสู่ตัวบ้าน